วันจันทร์ที่ 20 มกราคม พ.ศ. 2557

โครงการของศุนย์ทรัพยากรการเรียนรู้

โครงการของศุนย์ทรัพยากรการเรียนรู้


 กิจกรรมที่ 3 ศูนย์ทรัพยากรการเรียนรู้ 2 โครงสร้าง
- ให้นิสิตแต่ละคนหาตัวอย่างผังโครงสร้างของศูนย์ทรัพยากรการเรียนรู้ มาคนละ 2 ผังโครงสร้าง
1. ศูนย์เทคโนโลยีทางการศึกษา มหาวิทยาลัยธุรกิจบัณทิตย์

 โครงสร้างดังกล่าวเป็นประเภทใด เพราะเหตุใด : โครงสร้างประเภท Line and Staff Organization เพราะ ศูนย์เทคโนโลยีทางการศึกษา มหาวิทยาลัยธุรกิจบัณทิตย์ เป็นหน่วยงานขนาดใหญ่ ถ้ามีผู้บริหารคนเดียวไม่สามารถดำเนินการได้ จึงมีในรูปแบบของคณะกรรมการต่างๆ เข้ามาเป็นผู้ช่วยควบคุมการทำงานโดยมีอำนาจทางอ้อมในการดำเนินการนั้น ๆ
2. การบริหารโครงการศูนย์ศึกษาการพัฒนาอ่าวคุ้งกระเบน

 
โครงสร้างเป็นแบบ Line Organization เพราะ เป็นรูปแบบการจัดโครงสร้างตามงานที่รับผิดชอบในอำนาจหน้าที่กันเป็นขั้น ๆ จากระดับสูงสุดไปจนกระทั่งต่ำสุด

ประเภทและหลักการจัดหาทรัพยากรการเรียนรู้

ประเภทและหลักการจัดหาทรัพยากรการเรียนรู้

 1. ข่าวของมหาวิทยาลัยบูรพาในหน้าหนังสือพิมพ์จัดอยู่ในประเภทของทรัพยากรการเรียนรู้ใด และมีชื่อเรียกว่าอะไร    

เป็น ประเภทสื่อทรัพยากรการเรียนรู้ที่ตีพิมพ์ คือ สิ่งพิมพ์ที่มีการบันทึกความรู้ ความคิดของมนุษย์นำมารวบรวมเป็นเล่ม ให้ผู้อ่านได้ศึกษาค้นคว้าและใช้อ้างอิง
        เรียกว่าเป็นสิ่งพิมพ์ต่อเนื่อง คือ สิ่งพิมพ์ที่ออกต่อเนื่องกันตามกำหนดเวลาที่กำหนดไว้ คือหนังสือพิมพ์รายวัน ซึ่งเป็นสิ่งพิมพ์ที่กำหนดออกเป็นประจทุกวัน เพื่อนำเสนอข่าว และเหตุการณ์ความเคลื่อนไหวใหม่ ๆ ทั้งภายในประเทศและต่างประเทศ เช่น ข่าวการเมือง ข่าวเศรษฐกิจและสังคม ข่าวการศึกษา ข่าวกีฬา ข่าวธุรกิจ ข่าวบันเทิง บทความทางวิชาการและ สาระน่ารู้ เป็นต้น

2. ถ้าต้องการคัดเลือกสื่อวีดิทัศน์มาให้บริการนิสิตจะมีหลักการอย่างไรในการคัดเลือกสื่อดังกล่าว


                                   หลักการคัดเลือกสื่อวีดิทัศน์ มีดังนี้
- กำหนดเกณฑ์การประเมินเพื่อคัดเลือกสื่อวีดิทัศน์ให้ชัดเจน
- ต้องสัมพันธ์กับหลักสูตรการเรียนการสอนในสถานศึกษานั้น ๆ
-  เนื้อหาถูกต้อง ทันสมัย น่าสนใจ นำเสนอเนื้อหาได้ดีเป็นลำดับขั้นตอน
-  เหมาะสมกับวัย ระดับชั้น ความรู้ และประสบการณ์
- สะดวกในการใช้ ไม่ซับซ้อนยุ่งยากจนเกินไป
- มีคุณภาพ มีเทคนิคการผลิตที่ดี มีความชัดเจนและเป็นจริง
- ราคาไม่แพงเกินไป    
- ถ้าจะผลิตเองควรคุ้มกับเวลาและการลงทุน


3. การจัดซื้อทรัพยาการเรียนรู้มีกี่วิธีการ อะไรบ้าง

  การจัดซื้อทรัพยาการเรียนรู้มี 4 วิธีการ ดังนี้
1) สั่งซื้อโดยตรง : ในประเทศ / ต่างประเทศ
2) สั่งซื้อผ่านร้าน/ตัวแทนจำหน่าย : ในประเทศ / ต่างประเทศ
3) เว็บไซต์ : ในประเทศ / ต่างประเทศ
4) จัดซื้อในรูปภาคีร่วมกับศูนย์ทรัพยากรการเรียนรู้สถาบันอุดมศึกษาอื่นๆ

หลักการวางแผน

หลักการวางแผน

ผังโครงสร้างของศูนย์ทรัพยากรการเรียนรู้

ให้นิสิตแต่ละคน หาตัวอย่างของศูนย์สำหรับการศึกษาตามอัธยาศัยมา คนละ 1 ศูนย์ โดยต้องอธิบายดังรายละเอียดต่อไปนี้
            4.1 นโยบาย ของศูนย์ วิสัยทัศน์ และกลุ่มเป้าหมายของศูนย์
            4.2 แหล่งที่มาของศูนย์
            4.3 แผนการดำเนินงาน (ถ้ามี)
ตอบ มิวเซียมสยามพิพิธภัณฑ์การเรียนรู้ เลขที่ 4 ถนนสนามไชย แขวงพระบรมมหาราชวัง เขตพระนคร กรุงเทพฯ 10200โทรศัพท์ 02 225 2777โทรสาร 02 225 2775

 4.1 นโยบาย ของศูนย์ วิสัยทัศน์ และกลุ่มเป้าหมายของศูนย์ :
               
มิวเซียมสยาม พิพิธภัณฑ์การเรียนรู้ (Museum Siam: Discovery Museum) ภายใต้ สถาบันพิพิธภัณฑ์การเรียนรู้แห่งชาติ (สพร.) เป็นพิพิธภัณฑ์การเรียนรู้แห่งแรกที่เน้น การสร้างประสบการณ์สดใหม่ในการชมพิพิธภัณฑ์ ซึ่งจัดตั้งขึ้นเพื่อเป็นต้นแบบของ แหล่งเรียนรู้ที่น่ารื่นรมย์ และช่วยยกระดับมาตรฐานการจัดการเรียนรู้ในรูปแบบใหม่ ให้กับประชาชน โดยเฉพาะเด็กและเยาวชนไทยเกี่ยวกับการสร้างสำนึกในการรู้จัก ตนเอง รู้จักเพื่อนบ้าน และรู้จักโลก รวมถึงการสร้าง แนวคิดและภาพลักษณ์ใหม่ของพิพิธภัณฑ์ในสังคมแห่งการเรียนรู้ ผ่านเทคโนโลยีสมัยใหม่ และกิจกรรมสร้าง สรรค์ เพื่อให้การเรียนรู้ประวัติศาสตร์และเรื่องราวต่างๆ เป็นไปอย่างสนุกสนานยิ่งขึ้น ซึ่งประกอบด้วย
                  •
นิทรรศการถาวร
                 •
นิทรรศการหมุนเวียน
                  •
กิจกรรมการเรียนรู้อย่างสร้างสรรค์
ปรัชญาของสถาบันพิพิธภัณฑ์การเรียนรู้แห่งชาติ
Play + Learn =
เพลิน
                เป็นหัวใจสำคัญของสถาบันพิพิธภัณฑ์การเรียนรู้แห่งชาติ โดยมีจุดมุ่งหมายในการปฏิรูป พิพิธภัณฑ์ที่ก่อให้เกิดประโยชน์อย่างสูงสุด นำเสนอด้วยรูปแบบที่สร้างสรรค์และสนุกสนานโดยใช้กิจกรรมต่างๆ เป็นตัวขับเคลื่อนที่สำคัญ ฉะนั้น ข้าวของเครื่องใช้ที่จัดแสดงภายในพิพิธภัณฑ์จะต้องเป็นสิ่งที่สามารถจับต้องได้ เพื่อสื่อความหมายในการเล่าเรื่องและเชื่อมต่อสิ่งต่างๆ ได้อย่างสมบูรณ์


สัญลักษณ์

               
คนกบแดง




4.2 แหล่งที่มาของศูนย์ :
                 รัฐบาลมีภารกิจที่สำคัญ คือ การทำให้สังคมไทยเป็นสังคมแห่งการเรียนรู้ ทำให้คนไทยมี คุณภาพด้วยการที่สามารถแสวงหาความรู้ใหม่ๆ ด้วยตนเองได้ตลอดเวลา ดังนั้นสังคมจึงควรมีแหล่งที่จะแสวงหาความรู้ที่มีความหลากหลายในรูปแบบและ เนื้อหา ในประเทศที่พัฒนาแล้วส่วนมากจะมีแหล่งแสวงหาความรู้สำหรับคนในแต่ละช่วงวัย และมีความสนใจต่างๆ โดยมีทั้งห้องสมุด พิพิธภัณฑ์ ศูนย์วัฒนธรรม ศูนย์นันทนาการและกีฬา โรงละคร หอศิลป์ และสถานที่แสดงดนตรี รวมทั้งสนับสนุนให้ ชุมชนมีกิจกรรมเพื่อการเติบโตของความรู้ สติปัญญา และความงอกงามของจิตใจ สำหรับประเทศไทยซึ่งจำเป็นต้องขยายโอกาสทางการศึกษา ด้วยสถาบันใหม่ที่จะมารองรับการศึกษายุคปฏิรูปให้ทันกับโลกยุคการเรียนรู้ แบบไร้ขีดจำกัด (
school without walls) เพราะคุณภาพชีวิตของคนรุ่นใหม่ให้คุณค่าต่อการศึกษาเรียนรู้ ที่ทำให้สามารถเข้าใจโลกที่มีการเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว สามารถเข้าใจปัญหาที่เผชิญหน้าควบคู่ไปกับความเพลิดเพลิน ประเทศจึงต้องการ "พิพิธภัณฑ์" ในฐานะที่เป็นสถาบันใหม่ที่สะท้อนความมั่นคงของสังคม วัฒนธรรม ลักษณะเฉพาะตน และความภาคภูมิใจในสังคมของตน
4.3 แผนการดำเนินงาน (ถ้ามี) :
                ใช้เวลาในการดำเนินการ รวม
5 ปี ( ปี 2547 - ปี 2551 )


                


                                    _______________________________________________________________

ให้นิสิตแต่ละคนหาตัวอย่างผังโครงสร้างของศูนย์ทรัพยากรการเรียนรู้ มาคนละ ผังโครงสร้าง พร้อมเขียนอธิบายดังนี้                1.1 แหล่งอ้างอิงของโครงสร้างศูนย์                1.2 โครงสร้างดังกล่าวเป็นประเภทใด เพราะเหตุใด




1.โครงสร้างสถาบันวิจัยไม้กลายเป็นหินและทรัพยากรธรณีภาคตะวันออกเฉียงเหนือ เฉลิมพระเกียรติ มหาวิทยาลัยราชภัฏนครราชสีมา          
แหล่งที่มา
 http://www.khoratfossil.org/museum/index.php?option=com_content&task=view&id=20&Itemid=36
        เป็นโครงสร้างรูปแบบ Line Organization เพราะเป็นรูปแบบการจัดโครงสร้างตามงานที่รับผิดชอบในอำนาจหน้าที่กันเป็นขั้น ๆ จากระดับสูงสุดไปจนกระทั่งต่ำสุด
2  2.โครงสร้างการบริหารของกรมอุตุนิยมวิทยา
                แหล่งที่มา 
http://www.tmd.go.th/aboutus/structure.php
  เป็นการจัดโครงสร้างรูปแบบ Line and Staff Organization เป็น รูปแบบการจัดโครงสร้างสาหรับหน่วยงานขนาดใหญ่ ซึ่งลาพังผู้บริหารคนเดียวไม่สามารถดาเนินการได้ จึงมีในรูปแบบของคณะกรรมการต่าง ๆ เข้ามาเป็นผู้ช่วยควบคุมการทางานโดยมีอำนาจทางอ้อมในการดำเนินการนั้น ๆ

ศึกษาเนื้อหาหลักการประสานงาน


ศึกษาเนื้อหาหลักการประสานงาน
1. สิ่งสำคัญเบื้องต้นของการประสานงานมีอะไรบ้าง

1. การจัดวางหน่วยงานที่ง่ายและเหมาะสม
2. การมีโครงการและนโยบายอันสอดคล้องกัน
3. การมีวิธีติดต่องานภายในองค์การที่ท าไว้ดี
4. มีเหตุที่ช่วยให้มีการประสานงานโดยสมัครใจ
5. การประสานงานโดยวิธีควบคุม
1. การจัดวางหน่วยงานที่ง่าย (Simplified 
Organization) 
ในการจัดการศูนย์ทรัพยากรการเรียนรู้การจัดวางหน่วยงานควร
ค านึงถึง 
ก. การแบ่งแผนกซึ่งช่วยในการประสานงาน กล่าวคือ การจัดแผนก
ต่าง ๆ บางแผนกมีความจ าเป็นต้องประสานกันควรอยู่ใกล้ชิดกัน
เนื่องจากการติดต่ออย่างไม่เป็นทางการระหว่างผู้ที่ท างานอัน
เกี่ยวเนื่องอย่างใกล้ชิดกันมากขึ้น 
ข. การแบ่งตามหน้าที่ 
ค. การจัดวางรูปงานและระเบียบการที่ชัดแจ้งแก่ทุก ๆ คนที่เกี่ยวข้อง
2. การมีโครงการและนโยบายอันสอดคล้องต้องกัน
(Harmonized Program and Policies) 
3. การมีวิธีติดต่องานภายในองค์การที่ท าไว้ดี (Well – Designed 
Methods of Communication) 
เครื่องมือที่ช่วยในการติดต่อส่งข่าวคราวละเอียด ได้แก่ 
ก. แบบฟอร์มในการปฏิบัติงาน (Working Papers) 
ข. รายงานเป็นหนังสือ (Written report) 
ค. เครื่องมือวิทยาศาสตร์ในการติดต่องาน เช่น ระบบการติดต่อภายใน
 โรงพิมพ์ เป็นต้น 
4. เหตุที่ช่วยให้มีการประสานงานโดยสมัครใจ (Aids to 
Voluntary Coordination) 
 การประสานงานส่วนมากมักจะเกิดขึ้นจากการร่วมมือโดย
สมัครใจของบุคลากรในศูนย์ทรัพยากรการเรียนรู
5. ประสานงานโดยวิธีควบคุม (Coordination through 
Supervision) 
 หัวหน้างานมีหน้าที่จะต้องคอยเฝ้าดูการด าเนินปฏิบัติงานต่าง ๆ 
เพื่อให้การด าเนินงานเป็นไปอย่างสอดคล้องและจะต้องใช้วิธีประเมินผล
การปฏิบัติงานทุกระยะจะได้ทราบข้อบกพร่องหาทางแก้ไขให้การ
ปฏิบัติงานถูกต้องยิ่งขึ้น
/////////////////////////////////////
2. เทคนิคการประสานงาน (Techniques 
Coordination) มีอะไรบ้าง
ความส าคัญของการประสานงาน 
1. การประสานงานเป็นกระบวนการในการบริหาร 
2. การประสานงานเป็นระเบียบธรรมเนียมในการ
บริหารงาน 
3. การประสานงานเป็นหน้าที่ของนักบริหารหรือ
หัวหน้างาน 
ประเภทของการประสานงาน 
 (Types of Coordination)
ประเภทของการประสานงานแบ่งได้เป็น 2 แบบใหญ่ ๆ ด้วยกันคือ 
1. การประสานงานภายในองค์การและภายนอกองค์การ การประสานงานภายใน
องค์การ หมายถึง การประสานงานภายในหน่วยงานหรือองค์การนั้น ๆ ส่วนการ
ประสานงานภายนอกองค์การเป็นการประสานงานระหว่างหน่วยงานหรือการ
ติดต่อกับบุคลลภายนอกต่าง ๆ 
2. การประสานงานในแนวดิ่ง และการประสานงานในแนวราบ การประสานงาน
ในแนวดิ่ง หมายถึง การประสานงานจากผู้บังคับบัญชามาสู่ผู้ใต้บังคับบัญชา 
(Top down) และการประสานงานจากผู้ใต้บังคับบัญชาไปยัง
ผู้บังคับบัญชา (Bottom up) ส่วนการประสานงานในแนวราบ หมายถึง การ
ประสานงานในระดับเดียวกัน 
เทคนิคการประสานงาน (Techniques Coordination) 
1. จัดให้มีระบบการติดต่อสื่อสารทั้งภายในหน่วยงานและภายนอก
หน่วยงานอย่างมีประสิทธิภาพ 
2. การก าหนดอ านาจหน้าที่และต าแหน่งงานอย่างชัดเจน 
3. การสั่งการและการมอบหมายอ านาจหน้าที่และความรับผิดชอบ 
4. การใช้คณะกรรมการหรือเจ้าหน้าที่ที่ท าหน้าที่ประสานงานโดยเฉพาะ
การประสานงานภายในองค์การ 
5. การจัดให้มีการประสานงานระหว่างพนักงานในองค์การ 
6. การจัดให้มีการฝึกอบรมและพัฒนาผู้ใต้บังคับบัญชา 
7. การติดตามผล
////////////////////
 3. จงอธิบายอุปสรรคของการประสานงาน มาพอเข้าใจ
อุปสรรคของการประสานงาน 
1. การขาดความเข้าใจอันดีต่อกันระหว่างผู้ปฏิบัติงานด้วยกันจะกลาย
เป็นสาเหตุท าให้การติดต่อประสานงานที่ควรด าเนินไปด้วยดี ไม่สามารถ
กระท าได้ 
2. การขาดผู้บังคับบัญชาหรือผู้บริหารที่มีความสามารถ 
3. การปฏิบัติงานไม่มีแผน ซึ่งเป็นการยากที่จะให้บุคคลอื่น ๆ ทราบ
วัตถุประสงค์และวิธีการในการท างาน 
4. การก้าวก่ายหน้าที่การงาน 
5. การขาดการติดต่อสื่อสารที่ดีย่อมท าให้การท างานเป็นระบบที่
ดีของความร่วมมือขาดความเข้าใจซึ่งกันและกัน 
6. การขาดการนิเทศงานที่ดี 
7. ความแตกต่างกันในสภาพและสิ่งแวดล้อม 
8. การด าเนินนโยบายต่างกันเป็นอุปสรรคต่อการประสานงาน 
9. ประสิทธิภาพของหน่วยงานต่างกันจะเป็นการยากที่จะก่อให้เกิดมี
ความร่วมมือและประสานงานกันเพราะแสดงว่ามีฝีมือคนละชั้น 
10. การท าหน้าที่ความรับผิดชอบและอ านาจไม่ชัดแจ้งท าให้
ผู้ปฏิบัติงานเกิดความกังวลใจและอาจไปก้าวก่ายงานของบุคคลอื่นก็ได้ 
11. ระยะทางติดต่อห่างไกลกัน 
12. เทคนิคและวิธีการปฏิบัติงานในแต่ละหน่วยงานแตกต่างกัน
เนื่องมาจากการกุมอ านาจหรือการกระจายอ านาจมากเกินไป

ศึกษาเนื้อหาหลักการรายงานผล

ศึกษาเนื้อหาหลักการรายงานผล

1.การรายงานผลมีความสำคัญอย่างไร ต่อการจัดการศูนย์ทรัพยากรการเรียนรู้
1. การกำหนดวัตถุประสงค์ของการเขียนรายงาน เราต้องก าหนด
วัตถุประสงค์การเขียนรายงานทุกครั้ง เช่น
- เป็นการรายงานเรื่องอะไร
- เป็นการรายงานต่อผู้บังคับบัญชาระดับใด
- ต้องการรายงานเพื่อให้ผู้บังคับบัญชาทราบเรื่องอะไรเป็นส าคัญ
2. การก าหนดเนื้อหาของรายงาน ควรเป็นสาระส าคัญเท่านั้น การ
พิจารณาสาระส าคัญได้แก่
- จัดเรียงล าดับความส าคัญของเนื้อหาที่เราต้องการรายงาน
- ตัดเนื้อหาส่วนที่เห็นว่ามีความเกี่ยวข้องเพียงเล็กน้อยหรือไม่เกี่ยวข้อง
ออกไป
- ทบทวนแล้วน ามาเรียบเรียงเข้าด้วยกัน หากเห็นว่ายังไม่สมบูรณ์ก็เพิ่ม
สาระสับสนุนให้รายงานมีคุณค่ามากยิ่งขึ้น
3. การรายงานวิธีการด าเนินงาน ต้องค านึงถึงเรื่องต่อไปนี้
- การใช้ถ้อยค าที่ตรงกับความหมาย ให้ผู้อ่านเข้าใจได้ทันที ใช้
ถ้อยค าที่กระชับตัดค าที่ไม่จ าเป็นต้องใช้ออก
- เรียงข้อความตามล าดับขั้นตอนการท างาน อาจจะแบ่งเป็น
ขั้นตอนตามลักษณะงานที่ได้ท า หรือแบ่งตามหน้าที่ของบุคลากร
หรืออื่นๆ ที่ท าให้ผู้อ่านมองภาพการท างานได้พอสมควร
4. การน าเสนอข้อมูลประกอบการรายงาน ต้องน าเสนอดังนี้
- แหล่งที่มาของข้อมูล จัดเก็บมาจากหน่วยงานใด วันที่เก็บ
- วิธีการน าเสนอข้อมูลมีหลายวิธี ได้แก่
 ก. น าเสนอด้วยตารางแจกแจงความถี่ (เป็นข้อมูลดิบ)
 ข. น าเสนอด้วยข้อมูลที่ท าการวิเคราะห์มาแล้ว มีการใช้สถิติ
วิเคราะห์ เช่น ค่าเฉลี่ย ค่าร้อยละเป็นต้น
 ค. น าเสนอด้วยกราฟ
- การแจกแจงข้อมูล เป็นการแสดงความคิดเห็นโดยน าตัวเลขข้อมูลมา
บรรยายสรุปตามความเป็นจริง
5. การสรุปผลการด าเนินงาน
 เป็นจุดส าคัญของรายงานที่ผู้อ่านจะให้ความสนใจมากที่สุดดังนั้นการ
สรุปผลการด าเนินงานต้องมีความชัดเจน มีผลที่เป็นจริงพิสูจน์ได้ มีความ
สอดคล้องกับข้อมู
6. การให้ข้อเสนอแนะ เป็นความคิดเห็นของผู้รายงานที่
ได้จากสภาพการด าเนินงานที่มองเห็นจุดที่มองเห็นจุดที่ควร
เสริมให้มีความสมบูรณ์ หรือให้มีคุณภาพการท างานเพิ่มขึ้น

รายงานผลการด าเนินงานมีโครงสร้างดังน
1. ปกรายงานประกอบด้วย
- ชื่อรายงานผลการด าเนินงาน
- ผู้รายงานหรือผู้ร่วมงาน
- เสนอต่อ..................หน่วยงานต้นสังกัด องค์กร
- ช่วงเวลาที่ด าเนินงาน
- อื่นๆ เช่น ภาพ สัญลักษณ์ ฯลฯ
2. ค าน า เขียนวัตถุ
4. บทน า เป็นการให้รายละเอียดทั่วไปของหน่วยงาน
 4.1 วัตถุประสงค์ของการด าเนินงาน
 4.2 หลักการและเหตุผลของการด าเนินงาน
 4.3 รายชื่อผู้ร่วมงาน
 4.4 รายชื่อที่ปรึกษา
 4.5 ระยะเวลาการด าเนินงาน
 4.6 งบประมาณ
 4.7 ปัญหาอุปสรรคที่พบระหว่างการท างาน
5. สาระของรายงาน ประกอบด้วย
- รายงานตามขั้นตอนหรือวิธีการท างาน
- รายงานตามลักษณะอุปสรรคปัญหา และวิธีการแก้ไข
- รายงานตามแบบฟอร์มขององค์กร
- รายงานเป็นตารางก าหนดการท างาน
- บรรยายสภาพการท างานอย่างละเอียดเพื่อให้เห็นปัญหาที่เกิดขึ้น (รายงานผล
การศึกษาวิธีการท างาน : Method Study)
- รายงานด้วยแผนภูมิ แสดงความเชื่อมโยงของงานแต่ละหน่วยงาน
- รายงานเป็นภาพจ าลอง เช่น ภาพจ าลองการออกแบบผลิตภัณฑ์ใหม
6. แสดงข้อมูลประกอบการรายงาน
7. สรุปผลการรายงาน ควรสรุปเป็นลักษณะต่อไปนี้
 7.1 เป็นข้อๆ เรียงตามล าดับความส าคัญ
 7.2 ถ้าเป็นผลกระทบให้สรุปผลกระทบจากส่วนใหญ่ไปสู่
ส่วนย่อย ตัวอย่าง
- ผลกระทบต่อประเทศ
- ผลกระทบต่อองค์กร
- ผลกระทบต่อหน่วยงาน
- ผลกระทบต่อบุคลากร
8. ข้อเสนอแนะ
9. ภาคผนวก เป็นรายงานอื่นๆ สถิติอื่นๆ ที่น ามาประกอบการ
รายงานหรือผลการตรวจสอบครั้งที่แล้ว แบบสอบถาม ส าเนา
ภาพถ่าย ภาพถ่าย ฯลฯ
10. เอกสารอ้างอิง
รายงานผลการตรวจสอบผลการด าเนินงาน
รายงานผลการตรวจสอบผลการด าเนินงาน เป็นเอกสารส าคัญ
ในการบริหารงานคุณภาพที่ผู้ท าหน้าที่ด าเนินการตรวจสอบต้อง
จัดท าบันทึกและเก็บรวบรวมอย่างเป็นระบบรายงานผลการ
ตรวจสอบผลการด าเนินงาน ประกอบด้วย
1. ปกรายงาน ได้แก่
- ชื่อศูนย์ "ศูนย์สื่อและเทคโนโลยีการศึกษา"
- ชื่อหน่วยงาน "ฝ่ายผลิตสื่อ"
- รายงานผลการตรวจสอบเรื่อง "กระบวนการผลิตสื่อ"
- เป็นเอกสาร.........
- วันที่เริ่มตรวจ
วันที่ตรวจเสร็จ
ระยะเวลาการตรวจสอบ...................วัน
- รายชื่อคณะกรรมการผู้ตรวจสอบ
2. เรื่องในรายงาน ประกอบด้วย
- บทสรุปผลการตรวจสอบ
- รายงานความเห็นของคณะกรรมการผู้ตรวจสอบ
3. รายละเอียดประกอบการรายงาน ได้แก่
- ใบมอบหมายให้ท าการตรวจสอบ
- ก าหนดการตรวจสอบ
- บันทึกการตรวจสอบ
- ส าเนาเอกสารผลการตรวจสอบครั้งล่าสุด
- ใบรายงานผลการตรวจสอบครั้งล่าสุด
- ใบรายงานผลการด าเนินงานของหน่วยงาน
บทสรุป
การรายงานผลการด าเนินงานการจัดการศูนย์ทรัพยากร
การเรียนรู้เป็นส่วนส าคัญในการแสดงข้อมูลอย่างเป็นระบบ
ให้กับผู้บังคับบัญชา หรือสาธารณชนได้รับทราบผลการ
ดำเนินงาน และเป็นการนำเสนอเพื่อปรับปรุงในการ
ดำเนินงานครั้งต่อ ๆ ไป

กิจกรรมสัปดาห์ที่ 9แบบฝึกหัดท้ายบท แนวโน้มของรูปแบบการจัดการศูนย์ทรัพยากรการเรียนรู้

 กิจกรรมสัปดาห์ที่ 9

แบบฝึกหัดท้ายบท แนวโน้มของรูปแบบการจัดการศูนย์ทรัพยากรการเรียนรู้


1.โครงสร้างองค์กรหมายถึงอะไร
  การจัดระบบในการจัดการศูนย์ทรัพยากรการเรียนรู้โดยการจัดสรรทรัพยากร การแบ่งหน้าที่ในแต่ละฝ่าย ซึ่งการจัดเป็นรูปต่างๆ กันเพื่อให้การบริหารงานบรรลุจุดมุ่งหมาย

2. องค์กรแบบมีชีวิต หมายถึงอะไร
1.1 โครงสร้างยืดหยุ่น (Flexible Structure) ไม่ติดยึดกับโครงสร้างที่ตายตัว
แบบองค์การแบบเครื่องจักร มีการปรับโครงสร้างให้เข้ากับสภาพแวดล้อมการทำงาน
 1.2 มีการกระจายอำนาจ (Decentralization) ผู้ปฏิบัติงานมีส่วนร่วมในการตัดสินใจ
 1.3 มีการท างานเป็นทีม (Team Work) ร่วมมือกัน
 1.4 เน้นผลงานมากกว่ากฎระเบียบ (Performance – Oriented) กฎ ระเบียบจะกำหนดเท่าที่จำเป็น ถือว่าเป็นเพียงเครื่องมือในการทำงาน
 1.5 การติดต่อสื่อแบบไม่เป็นทางการ (Informal Communication) สมาชิก
ติดต่อได้ทุกระดับโดยตรง ไม่ต้องผ่านโครงสร้างสายการบังคับบัญชา

3.กระบวนการจัดการแบบ 5s Model มีอะไรบ้าง จงอธิบายเทคนิควิธีการออกแบบองค์การให้เป็นองค์การสมัยใหม่
1. Small คือ เป็นองค์การขนาดเล็ก แต่เป็นองค์กรที่มีคุณภาพ
2. Smart คือ ดูดี ดูเท่ห์ ดูน่าเชื่อถือ ใช้คำว่า ฉลาดเพียบพร้อมด้วยภูมิปัญญา การจะทำให้เท่ห์ต้องมีISO มีการประกันคุณภาพในระบบของ QA และกิจกรรมอื่น ๆ
3. Smile คือ ยิ้มแย้มแจ่มใส เปี่ยมด้วยน้ำใจ ฉะนั้นคนในองค์การจะต้องทำงานอย่างมีความสุข ความสุขมีอยู่ 2 ฝ่าย
1 ) คนทำงานมีความสุข
2 ) ลูกค้าผู้รับการบริการ โดยเริ่มที่พนักงานก่อนแล้ว
ออกแบบองค์การให้เป็นองค์การที่มีความสุข สนุกในงานที่ทำมีความสุขยิ้มแย้มแจ่มใส ท างานด้วยใจรัก รักงานอยากจะมาทำงาน
4. Smooth คือ ไม่พูดเรื่องการขัดแย้ง จะพูดเรื่องการผนึกกำลังการท างานเป็นทีมเพื่อให้ประสบความสำเร็จ
5. Simplify คือ ทำเรื่องสลับซับซ้อนให้เป็นเรื่องง่ายหรือทำเรื่องยากให้เป็นเรื่องง่าย ทำเรื่องที่ไม่สะดวกให้สะอาด ทำเรื่องที่ช้าให้เร็วขึ้น

4.ลักษณะขององค์การแบบเครือข่าย (Network organization)หมายถึงอะไร
1. ความยืดหยุ่น Flexible แต่ละองค์การที่มีความหลากหลายที่มารวมตัวกันบางครั้งมาจากหน่วยงานภายใน องค์การเดียวกันที่มาเชื่อมโยงกัน /มาจากต่างองค์การ
2. Assemble by brokers อาจมีตัวแทนหรือการoutsource
3. Team – base ท างานเป็นทีม
4. Flat org. โครงสร้างเป็น แบบแนวราบเน้นการเจรจาประสานงานกันมากกว่า
โครงสร้างสายการบังคับบัญชา
 5. ใช้ IT มาเชื่อมโยงเพื่อการประสานงานหรือรวมกลุ่มหรือประสานงานเป็นไปโดย
อัตโนมัติ
 6. ขอบเขตไม่ชัดเจน

5. แนวโน้มของการจัดการศูนย์ทรัพยากรการเรียนรู้ในอนาคตมีอะไรบ้าง
1. มีการน าเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสารมาใช้ในการจัดการและให้บริการมากขึ้น
2. มีการจัดการแบบองค์กรสมัยใหม่
3. ให้บริการในรูปแบบ ศูนย์ศึกษาบันเทิง กล่าวคือเป็น แหล่งการเรียนรู้ที่รวบรวมรวมสื่อ วัสดุ อุปกรณ์และวิธีการที่หลากหลายแบบมาบูรณาการโดยเป็นลักษณะแบบทั่วไปที่เน้น กลุ่มเป้าหมายเป็นเด็กและเยาวชน ซึ่งประกอบด้วย การเรียนรู้ การลงมือปฏิบัติ ด้วยความสนุกสนานเพลิดเพลิน ที่พัฒนาและส่งเสริมการเรียนรู้ด้วยตนเองและเป็นแหล่งการเรียนรู้นอกห้องเรียน

กิจกรรมสัปดาห์ที่ 8 คุณลักษณะผู้จัดการศูนย์ทรัพยากรการเรียนรู้

กิจกรรมสัปดาห์ที่ 8 คุณลักษณะผู้จัดการศูนย์ทรัพยากรการเรียนรู้

1. ผู้จัดการศูนย์ทรัพยากรการเรียนรู้ หมายถึงบุคคลใด
บุคคลที่ทำหน้าที่งานบริหารที่ดูแล ควบคุม สั่งการ แก้ปัญหา ให้งานในระดับ
ปฏิบัติการดำเนินต่อไปให้สำเร็จลุล่วงตามเป้าหมายของศูนย์
ทรัพยากรการเรียนรู้นั้น ๆ โดยตำแหน่งผู้จัดการศูนย์ มักเรียกเป็น
ผู้อำนวยการ หัวหน้า หรืออื่น ๆ ที่สื่อความหมายถึงผู้นำศูนย์ฯนั้น ๆ

 2. คุณลักษณะของผู้จัดการศูนย์ทรัพยากรการเรียนรู้มีอะไรบ้าง
1. ผู้กำหนดทิศทาง (Direction-setter)
ผู้จัดการศูนย์ฯ จะต้องมีความสามารถในการชี้ทิศทางในการนำนวัตกรรมทางเทคโนโลยีไปบูรณาการใน การให้บริการจัดการศูนย์ทรัพยากรการเรียนรู้ได้อย่างมีประสิทธิภาพตามเป้า หมายที่กำหนดไว้

 2. ผู้นำการเปลี่ยนแปลง (Change agent)
ผู้จัดการศูนย์จะต้องเป็นผู้ที่สามารถนำการเปลี่ยนแปลงทางการศึกษาและสร้าง การยอมรับนวัตกรรมทางเทคโนโลยีไปใช้ในระบบการเรียนการสอน สนับสนุนการเรียนรู้ตลอดชีวิต อย่างจริงจังสามารถลดการต่อต้านต่อการยอมรับสิ่งใหม่ ๆ ที่จะเข้าไปมีบทบาทในการสร้างสภาพแวดล้อมใหม่ในระบบการเรียนการสอน

3. โฆษก (Spokesperson)
ผู้จัดการศูนย์ฯ ต้องมีความสามารถเผยแพร่วิสัยทัศน์ของตนสามารถเจรจาหรือต่อรองกับผู้บริหาร ระดับต่างๆ หรือต่อองค์กรภายนอกเพื่อสร้างเครือข่ายในการท างานเพื่อประโยชน์ในการพัฒนางานศูนย์
ทรัพยากรการเรียนรู้ให้ก้าวหน้าต่อไป

 4. ผู้ฝึกสอน (Coach)
ผู้จัดการศูนย์ ฯ ต้องมีความสามารถในการสร้างทีมงานขึ้นมาเพื่อน าวิสัยทัศน์ของตนไปสู่การปฏิบัติต้องรู้จักสอนให้คำปรึกษาให้คำแนะนำสร้าง ความไว้วางใจให้อำนาจแก่ผู้ที่จะร่วมงาน

5. วิทยากร (Trainer)
ผู้จัดการศูนย์ ฯ ต้องทำหน้าที่ถ่ายทอดความรู้ไปยังทีมงาน โดยมุ่งให้เกิดการเปลี่ยนแปลงเชิงพฤติกรรม ทั้งความรู้ เจตคติ และทักษะในการพัฒนาศูนย์ฯ ให้บรรลุเป้าหมายของศูนย์ทรัพยากรการเรียนรู้นั้น ๆ แนะนำสร้างความไว้วางใจให้อำนาจแก่ผู้ที่จะร่วมงาน

3. หลักการของผู้นำในการจัดการศูนย์ทรัพยากรการเรียนรู้ให้มีประสิทธิภาพ มีอะไรบ้าง
1. ความรอบรู้แห่งตน (Personal mastery)
ผู้จัดการศูนย์ทรัพยากรการเรียนรู้ จะต้องพัฒนาตนเองให้เป็นบุคคลแห่งการเรียนรู้ในความก้าวหน้าแห่งศาสตร์อยู่ เสมอเช่นเดียวกับต้องพัฒนาวิสัยทัศน์ในการสร้างสรรค์วิชาชีพของตนเอง

 2. แบบแผนการคิดอ่าน(Mental models)
ผู้จัดการศูนย์ฯ จะต้องมีทักษะการคิดอย่างใคร่ครวญ (Reflection) เพื่อเป็นการตรวจว่าความคิดใดความเชื่อใดมีผลดีผลเสียต่อการปฏิบัติงานใน วิชาชีพซึ่งจะนำไปสู่การตัดสินใจเลือกในสิ่งที่ดีที่สุด

3. วิสัยทัศน์ร่วม (Shared vision)
ผู้จัดการศูนย์ฯ ต้องรู้จักการสานวิสัยทัศน์กับบุคคลอื่นๆ ในองค์กรเพื่อที่จะหาจุดร่วมที่ดีที่สุดและเป็นสร้างความเท่าทันในทิศทางที่ จะก้าวไปข้างหน้า

 4. การเรียนรู้เป็นทีม (Team learning)
ผู้จัดการศูนย์ฯ ต้องรู้จักการสร้างการเรียนรู้เป็นทีมที่สมาชิกในทีมต้องมีความสามารถในการ คิดตีปัญหาหรือประเด็นในกระจ่างอีกทั้งภายในทีมต้องรู้จักประสานกันอย่างดี คิดในสิ่งใหม่และแตกต่างไว้วางใจซึ่งกันและกันสมาชิกทุกคนต้องมีการสร้าง ระบบการเรียนรู้แบบต่อเนื่องสิ่งเหล่านี้ย่อมน าไปสู่การสร้างสรรค์งานด้านนวัตกรรมทางเทคโนโลยีการศึกษามาใช้ในศูนย์ ทรัพยากรการเรียนรู้อย่างมีประสิทธิภาพ

5. การคิดอย่างเป็นระบบ(System thinking)
ผู้จัดการศูนย์จะต้องมีวิธีการคิดที่เห็นภาพระบบการศึกษา ระบบการเรียนการสอนรวม ระบบการให้บริการสื่อไปถึงระบบสังคมโดยรวมเห็นทั้งหมดมีกรอบที่เห็นความ สัมพันธ์ที่เกี่ยวข้องกันมากกว่าที่จะเห็นในเชิงเหตุเชิงผลเห็นแนวโน้ม มากว่าที่จะเห็นแค่ฉาบฉวยเพื่อที่จะสามารถนำมาวางแผนเทคโนโลยีให้แก่ศูนย์ ทรัพยากรการเรียนรู้ได้อย่างมีประสิทธิภาพ